Privacy Policy

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PRIVACY POLICY)

ของบริษัท เอเอเอส โมโต คลับ จำกัด (“บริษัท”)

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทและบริษัทในเครือ ได้แก่ เว็บไซต์ และช่องทางอื่นๆ ในอนาคต

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) นี้อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยบริษัทมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งตามกฎหมายเรียกว่า ‘ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล’ โดยมีเจ้าหน้าที่ที่บริษัทมอบหมายโดยเฉพาะให้มีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของบริษัท ซึ่งตามกฎหมายเรียกว่า ‘ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล’ ส่วนท่านถือเป็น ‘เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล’ ตามกฎหมายนี้

เนื่องจากบริษัทมีนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อชี้แจงรายละเอียดและวิธีการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยการคุ้มครองข้อมูล การเข้าถึงข้อมูล การโอนย้าย และการวิเคราะห์ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

  1. ข้อ 1. คำนิยาม
    • “บริษัท” หมายถึง บริษัท เอเอเอส โมโต คลับ จำกัด
    • “บุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดา
    • “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ อาทิ ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง เลขบัตรประกันสังคม เลขใบอนุญาตขับขี่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลขบัญชีธนาคาร เลขบัตรเครดิต ที่อยู่อีเมล (email address) ทะเบียนรถยนต์ โฉนดที่ดิน IP Address, Cookie ID, Log File เป็นต้น

    “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” (Data Subject) หมายถึง ตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แต่ไม่ใช่กรณีที่บุคคลมีความเป็นเจ้าของข้อมูล (Ownership) หรือเป็นผู้สร้างหรือเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นเอง โดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะหมายถึงบุคคลธรรมดาเท่านั้น และไม่รวมถึง “นิติบุคคล” (Juridical Person) ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เช่น บริษัท สมาคม มูลนิธิ หรือองค์กรอื่นใด ทั้งนี้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ บุคคลดังต่อไปนี้

    1. เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ หมายถึง
      1. บุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีบริบูรณ์ ขึ้นไป หรือ
      2. ผู้ที่สมรสตั้งแต่อายุ 17 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรือ
      3. ผู้ที่สมรสก่อนอายุ 17 ปี โดยศาลอนุญาตให้ทำการสมรส หรือ
      4. ผู้เยาว์ซึ่งผู้แทนโดยชอบธรรมให้ความยินยอมในการประกอบธุรกิจทางการค้าหรือธุรกิจอื่น หรือในการทำสัญญาเป็นลูกจ้างในสัญญาจ้างแรงงาน ในความเกี่ยวพันกับการประกอบธุรกิจหรือ การจ้างแรงงานข้างต้นให้ผู้เยาว์มีฐานะเสมือนดังบุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว
    2. เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นผู้เยาว์ หมายถึง บุคคลที่อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และไม่ใช่ผู้บรรลุนิติภาวะตามข้อ 1 ทั้งนี้ ในการให้ความยินยอมใดๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ด้วย
    3. เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ หมายถึง บุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ เนื่องจากมีกายพิการหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือประพฤติสุรุ่ยสุร่ายเสเพลเป็นอาจิณ หรือติดสุรายาเมา หรือมีเหตุอื่นใดทำนองเดียวกันนั้น จนไม่สามารถจะจัดทำการงานโดยตนเองได้ หรือจัดกิจการไปในทางที่อาจจะเสื่อมเสียแก่ทรัพย์สินของตนเองหรือครอบครัว ทั้งนี้ ในการให้ความยินยอมใดๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ที่มีอำนาจกระทำการแทนคนเสมือนไร้ความสามารถนั้นก่อน
    4. เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นคนไร้ความสามารถ หมายถึง บุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ เนื่องจากเป็นบุคคลวิกลจริต ทั้งนี้ ในการให้ความยินยอมใดๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้อนุบาลที่มีอำนาจกระทำการแทนคนไร้ความสามารถนั้นก่อน

      ทั้งนี้ หากการขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่มีผลผูกพันเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

      “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

      “ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

  2. ข้อ 2. ข้อมูลส่วนบุคคลอะไรบ้างที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย

    ตามพระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดว่า ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ และกำหนดว่า ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นข้อมูลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่ ข้อมูลที่ท่านให้ไว้โดยตรงจากการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.aasharley-davidson.com การลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท คุกกี้ ข้อมูลการทำรายการ และการใช้งานผ่านหน้าเว็บไซต์หรือช่องทางอื่นใด เช่น

    1. ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด สถานภาพสมรส เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง
    2. ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ไอดีไลน์
    3. ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น IP Address MAC Address Cookie ID
  3. ข้อ 3. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูล

    บริษัทจะนำข้อมูลของท่านมาใช้เพื่อการพัฒนา ปรับปรุง คาดการณ์และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับเว็บไซต์ www.aasharley-davidson.com ของบริษัท ตลอดจนการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้งาน ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ท่านให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบ เพื่อขอความยินยอมและจัดให้มีบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ บริษัทจะไม่กระทำการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อประโยชน์อย่างอื่นที่นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้กับท่านไว้ก่อนหรือขณะเก็บรวบรวม

  4. ข้อ 4. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นความลับและจะใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อคุ้มครองข้อมูลของท่านให้ปลอดภัยจากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไข การนำข้อมูลไปใช้หรือเปิดเผยข้อมูลนอกวัตถุประสงค์ หรือโดยไม่มีอำนาจหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    ก่อนที่บริษัทจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูล ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน บริษัทจะทำการขอความยินยอมจากท่านก่อน โดยการขอความยินยอมบริษัทจะทำโดยชัดแจ้ง เป็นหนังสือหรือทำโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ท่านสามารถให้ความยินยอมในการที่บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และบริษัทจะไม่กำหนดเงื่อนไขในการให้ความยินยอมเพื่อให้เข้าถึงการรับบริการ หรือเข้าทำสัญญากับบริษัท หากข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่มีความจำเป็นหรือเกี่ยวข้องสำหรับการเข้าทำสัญญาหรือการรับบริการนั้น

    นอกจากนี้ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา มีหน้าที่ต้องรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่บริษัทกำหนดขึ้น

  5. ข้อ 5. การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่านก่อน เว้นแต่กรณีที่กฎหมายให้อำนาจไว้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 24 หรือ มาตรา 26

    บริษัทอาจแบ่งปันหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบริษัทในเครือ บริษัทในกลุ่ม ตลอดจนคู่สัญญาที่มีหน้าที่บริหารจัดการแอพพลิเคชั่นตามสัญญากับบริษัทโดยตรง หรือบริษัทอื่นที่มีนโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้บริการ บำรุงรักษา ป้องกัน ปรับปรุง พัฒนาบริการใหม่ๆ และปกป้องบริษัทและท่าน

    บริษัทอาจแบ่งปันหรือเปิดเผยข้อมูลของท่านกับบริษัท และ/หรือองค์กรอื่น และ/หรือบุคคลภายนอก หากบริษัทเชื่อโดยสุจริตว่าการเข้าถึง การใช้ การเก็บรักษา หรือการเปิดเผยข้อมูลนั้นมีเหตุจำเป็นอันสมควร เช่น

    1. การปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ หลักเกณฑ์ คำสั่งที่เกี่ยวข้องและการร้องขอข้อมูลจากทางราชการ
    2. เพื่อตรวจจับ ป้องกัน หรือตรวจสอบการทุจริต ปัญหาด้านความปลอดภัยหรือด้านเทคนิค
    3. เพื่อป้องกันอันตรายต่อสิทธิ ทรัพย์สิน หรือความปลอดภัยของบริษัทและ/หรือของท่าน หรือบุคคลอื่นตามที่กฎหมายกำหนด

    บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งที่มาอื่นที่ไม่ใช่ของท่านโดยตรง เว้นแต่กรณีที่บริษัทได้แจ้งท่านถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งที่มาอื่นภายใน 30 วัน และได้รับความยินยอมจากท่านแล้ว หรือเป็นการเก็บรวบรวมที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 24 หรือมาตรา 26

    บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อท่านในทำนองเดียวกันตามประกาศของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน เว้นแต่เป็นกรณีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 26 บัญญัติให้กระทำได้

    ในกรณีที่ บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ ประเทศปลายทางหรือองค์กรระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลต้องมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เว้นแต่เป็นกรณีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 28 (1) – (6)

    บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านไว้ในระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งและจำเป็นสำหรับธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการของบริษัทเท่านั้น

  6. ข้อ 6. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

    สิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้อง โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่บริษัทกำหนดไว้ก่อนหรือในขณะหรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น

    1. ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น)
    2. ท่านมีสิทธิขอเข้าถึง หรือรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร
    3. ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
    4. ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    5. ท่านมีสิทธิระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนด้วยเหตุบางประการได้ และท่านมีสิทธิให้บริษัทโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งท่านได้ให้ไว้กับบริษัทไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
    6. การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล การใช้สิทธิละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น

    บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่าอาจมีข้อจำกัดสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมไว้แล้ว

  7. ข้อ 7. การเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่น

    บริษัทอาจเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลหรือหน่วยงานอื่น โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบก่อนที่จะทำการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมทั้งขอความยินยอม โดยมีรายละเอียดต่อไปนี้เป็นอย่างน้อย

    1. บุคคลหรือหน่วยงานที่จะทำการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล
    2. วัตถุประสงค์ในการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล
    3. วิธีการในการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล
    4. ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะทำการเชื่อมโยง
  8. ข้อ 8. การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทอาจปรับปรุงหรือแก้ไขนโยบายส่วนบุคคลนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของการให้บริการและ/หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัท การดำเนินงานของบริษัท และข้อเสนอแนะหรือความคิดเห็นจากท่าน โดยมิต้องแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า ดังนั้น บริษัทจึงขอแนะนำให้ท่านอ่านนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทุกครั้งที่เยี่ยมชมหรือใช้บริการจากบริษัทหรือเว็บไซต์ของบริษัท

  9. ข้อ 9. คุกกี้ (Cookies) คืออะไร

    คำว่า “คุกกี้” ที่บริษัทใช้จะหมายถึงคุกกี้หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งอยู่ภายใต้ข้อกำหนดตามคำสั่งของสหภาพยุโรปว่าด้วยการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวในการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์

    คุกกี้ (Cookies) คือ ไฟล์ข้อมูลเล็กๆ ที่เบราว์เซอร์จัดเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ของท่าน ซึ่งจะช่วยให้ท่านทำสิ่งต่างๆ ทางออนไลน์ได้ง่ายขึ้นด้วยการบันทึกข้อมูลการท่องเว็บ โดยเว็บไซต์ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านลงชื่อเข้าใช้อยู่เสมอ จดจำค่ากำหนดเว็บไซต์ และมอบเนื้อหาที่เกี่ยวข้องให้แก่ท่าน

  10. ข้อ 10. บริษัทใช้คุกกี้อย่างไร

    บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์และ/หรือบริการของบริษัท โดยการใช้คุกกี้หรือเทคโนโลยีที่คล้ายกัน เพื่อเรียนรู้และพัฒนาประสิทธิภาพในการใช้งานและการเข้าถึงบริการของเราผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และเพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้เยี่ยมชมแพลตฟอร์มโดยรวม และนำไปพัฒนาเว็บไซต์ให้สามารถใช้งานได้ง่าย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

  11. ข้อ 11. การตั้งค่าคุกกี้

    ในกรณีที่ท่านไม่ประสงค์ให้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้บริการผ่านทางคุกกี้ ซอฟต์แวร์ และเครื่องมือการตรวจวัด ท่านสามารถลบหรือปฏิเสธคุกกี้หรือซอฟต์แวร์การตรวจวัดบางรายการ ผ่านทางเบราว์เซอร์หรืออุปกรณ์ของท่านได้ โดยหากท่านนำคุกกี้ออก ท่านจะออกจากระบบเว็บไซต์ และระบบอาจลบค่ากำหนดที่บันทึกไว้ของท่าน อย่างไรก็ดี โปรดทราบว่าหากท่านปฏิเสธการใช้คุกกี้ ท่านอาจไม่สามารถใช้ฟังก์ชันการทำงานของ เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น หรือบริการได้อย่างเต็มที่

  12. ข้อ 12. การติดต่อ สอบถาม คำร้องเรียน

    หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ผ่านช่องทางดังนี้

    1. อีเมล info@aasharleybkk.com
    2. โทร 02 521 4545 (วันเวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 – 18.00 น.
    3. สถานที่ติดต่อ บริษัท เอเอเอส โมโต คลับ จำกัด เลขที่ 99 ถนน วิภาวดี แขวง ตลาดบางเขน เขต หลักสี่ กรุงเทพฯ 10210

เมื่อท่านอ่าน ทำความเข้าใจอย่างละเอียด และตกลงยอมรับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ บริษัทจะถือว่าท่านยอมรับว่าการใช้บริการใดๆ ของบริษัทถือเป็นการยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการทั้งหมด และการตกลงยอมรับดังกล่าวมีผลสมบูรณ์